1. คิดให้เหมือนกับผู้บริโภค

และเพิ่มสินค้าของคุณลงในหมวดสินค้ามากกว่าหนึ่งหมวด ผู้ประกอบการที่ทำให้สินค้าและบริการของตัวเองหาง่ายจะได้ผลดี 2 อย่างคือ: ลูกค้าจะซื้อสินค้ามากขึ้นและพวกเขาได้รับประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจจากการเยี่ยมชมร้านค้าออนไลน์ของคุณ ลองใช้ฟีเจอร์ ‘สินค้าที่แนะนำคู่กัน’ เพื่อเพิ่มโอกาสในการนำเสนอสินค้าที่มีความคล้ายคลึงกันให้ลูกค้าได้เลือกด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณขายรูปวาดและกรอบรูป ลองเสนอกรอบรูปที่เหมาะกับรูปวาดให้ลูกค้าของคุณดู

2. เรียบง่ายเข้าไว้

คนส่วนใหญ่กล่าวว่าระบบการค้นหาสินค้าที่สับสนหรือการที่มีหน้าต่างๆมากจนเกินไประหว่างขั้นตอนการซื้อสินค้า เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาซื้อสินค้าไม่สำเร็จหรือแม้กระทั่งเลิกซื้อสินค้าไปเลย ร้านค้าออนไลน์ที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องมีขั้นตอนการชำระเงินที่ง่าย รวมถึงต้องแสดงข้อมูลราคาและวิธีการจัดส่งอย่างชัดเจนอีกด้วย การใส่เบอร์โทรศัพท์ลงในเว็บไซต์ก็เป็นความคิดที่ดี จากการศึกษาพบว่าลูกค้าจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นที่ได้รู้ว่าเวลาที่พวกเขามีข้อสงสัยใดๆหรือมีปัญหาเกี่ยวกับการซื้อสินค้า พวกเขาจะสามารถโทรศัพท์ติดต่อคุณได้

3. คำพูดใดก็ไม่อาจสู้ในสิ่งที่ตาเห็น

คุณควรจะใช้รูปภาพสินค้าควบคู่ไปกับการเขียนข้อความด้วย จากผลการศึกษา ผู้คนส่วนใหญ่จะไม่ชอบอ่าน พวกเขาชอบที่จะสแกนเนื้อหาแบบคร่าวๆมากกว่า ยิ่งบนเว็บไซต์แล้ว การที่พวกเขาจะอ่านยิ่งยากกว่าถึง 25% ดังนั้น คุณจึงไม่ควรเขียนอะไรที่ยาวจนเกินไป พยายามเขียนคำบรรยายสินค้าที่กระชับและน่าสนใจที่สุดเท่าที่จะทำได้

4. ประชาสัมพันธ์ร้านค้าออนไลน์ของคุณเมื่อพร้อม

แค่การมีร้านค้าออนไลน์อย่างเดียวคงไม่พอ คุณต้องใช้ความพยายามในการโปรโมตร้านค้าออนไลน์ของคุณให้ลูกค้าใหม่หรือลูกค้าเก่ารับรู้ด้วย ให้เก็บรวบรวมอีเมลไว้เพื่อช่วยให้คุณสามารถที่จะติดต่อกับลูกค้าได้หรืออาจจะลองเขียนจดหมายข่าว (Newsletter) ด้วยก็ได้ ลองค้นหาเว็บไซต์ต่างๆที่จะให้คุณสามารถแปะลิงค์โปรโมตร้านค้าออนไลน์ได้ หรือเขียนเนื้อหาที่น่าสนใจเพื่อเพิ่มโอกาสในการติดอันดับดีๆในหน้า Search Engine มากขึ้น