จากสัปดาห์ที่แล้วเราได้พูดถึงเทรนธุรกิจ M-commerce ที่มีแนวโน้มว่าจะมาแรงในปีนี้ ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจที่ตอบโจทย์กับพฤติกรรมการใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่ หรือสมาร์ทโฟนในการสั่งซื้อสินค้า หรือกิจกรรมต่างๆผ่านออนไลน์ โดยผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นแบบ E-Commerce ก็สามารถทำ M-Commerce ได้เช่นกันโดยไม่ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด แต่ใช้หลักการ Responsive Design มาออกแบบเว็บไซต์ค่ะ

        Responsive Design เป็นหลักการออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับกับอุปกรณ์ทุกชนิด ที่ไม่ว่าเราจะเปิดเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์ใดก็ตาม ตัวเว็บไซต์จะปรับขนาดหน้าจอให้แสดงผลได้เหมาะสมกับอุปกรณ์นั้นๆเองโดยอัตโนมัติ  เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยค่ะ อาจจะได้ทั้งฝูงก็ว่าได้ เพราะเราทำเพียงแค่เว็บไซต์เดียว ลูกค้าหรือคนที่เข้ามาชมเว็บไซต์ จะสามารถใช้งานได้สะดวก ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องขยายหน้าจอ เพราะตัวหนังสือมีขนาดเล็ก หรือภาพไม่ชัดเจน อาจทำให้เว็บไซต์ไม่ได้รับความสนใจเนื่องจากใช้งานไม่สะดวก

        นอกจากเว็บไซต์ของเราจะรองรับกับอุปกรณ์ทุกขนาดแล้ว ถือเป็นการประหยัดต้นทุนในการจัดทำเว็บไซต์ และยังช่วยในเรื่องของการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ เนื่องจาก Search engine ชื่อดังอย่าง Google ได้ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่ให้ประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานผ่านมือถือ(Mobile Friendly) และมีการออกแบบด้วยResponsive Design ทำให้มีโอกาสในการติดอันดับดีๆ ในหน้าผลการค้นหาของ Google ได้ค่ะ

        ผู้ประกอบธุรกิจที่มีเว็บไซต์เดิมอยู่แล้ว อยากให้เว็บไซต์แสดงผลรองรับกับทุกอุปกรณ์ ก็สามารถให้โปรแกรมเมอร์ หรือผู้จัดทำเว็บไซต์แก้ไขเพิ่มเติมได้ค่ะ  โดยระบบการจัดการหรือวิธีการใช้งานจะยังคงเดิมอยู่ แต่การแก้ไขจากเว็บไซต์เดิมนั้นจะใช้เวลานาน เพราะต้องปรับปรุงโครงสร้าง การจัดวางของเนื้อหาใหม่ทั้งหมด และมีค่าใช้จ่ายในการแก้ไขค่อนข้างสูง แต่เราสามารถใช้วิธีทำตัวเว็บไซต์ที่ออกแบบด้วย Responsive Design ขึ้นมาใหม่ และใช้ชื่อโดเมนเนมเดิมได้ค่ะ หากผู้ประกอบธุรกิจท่านใดที่ยังไม่ได้เริ่มจัดทำเว็บไซต์ แนะนำว่าควรทำเว็บไซต์ของเราให้มีการออกแบบด้วย Responsive Design ตั้งแต่แรก รับรองว่าลูกค้า หรือคนที่เข้ามาชมเว็บไซต์จะต้องประทับใจในการใช้งานเว็บไซต์ของเราอย่างแน่นอนค่ะ