เมื่อเราเปิดร้านค้าออนไลน์สำเร็จแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่ทางทีมงานตะกร้าออนไลน์อยากนำเสนอ เพื่อเป็นวิธีที่จะทำให้คนเข้ามาดูสินค้าในร้านค้าออนไลน์ของเรา โดยวิธีที่จะแนะนำก็คือ “การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ของเรา ด้วยตัวเอง” ก่อนอื่นต้องขอเล่าให้ฟังก่อนว่า SEO คืออะไร จะได้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน แต่ไม่ต้องกังวลเราจะทำให้ทุกท่านเข้าใจง่ายที่สุด เร็วที่สุด

        เริ่มจาก SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึง การปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ เพื่อให้ Google รู้จักกับเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ของเรา ด้วยการกำหนดคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการที่เรามีในร้านค้าออนไลน์ เมื่อมีคนต้องการค้นหาสินค้าหรือบริการที่ต้องการ ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนต้องเริ่มจากการเข้าเว็บที่สามารถใช้ค้นหาได้ นั้นก็คือ Google.com และเริ่มพิมพ์คำค้นที่ตัวเองคิดว่าตรงกับสินค้าที่กำลังค้นหา Google ก็จะนำเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ของเราขึ้นมาแสดงในหน้าของ Google ส่วนลำดับที่ Google จะให้เราได้นั้นต้องอยู่ที่ระยะเวลา หรืออายุของเว็บไซต์ การอัพเดทข้อมูลบนเว็บไซต์ด้วย ห้าม! ท้อแท้เด็ดขาดเพราะต้องอาศัยเวลาพอสมควร และบอกก่อนว่า มีโอกาสติดหน้าแรกของ Google ทุกคน โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายใด ๆ อีกด้วย

       วิธีที่จะทำให้เรามีโอกาสติดหน้าแรกของ Google นั้น มีอยู่ 2 วิธี ดังนี้

        1. การซื้อโฆษณากับ Google เรียกว่า Google AdWords วิธีนี้มีค่าใช้จ่าย
        2. การทำ SEO ซึ่งวันนี้เราจะมาอธิบายให้ทุกท่านเข้าใจว่ามีวิธีอย่างไร และยังทำได้ด้วยตัวเอง ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ อีกด้วย

        สำหรับวิธีการทำ SEO นั้นถ้าเว็บไซต์ของคุณไม่ได้รองรับการทำ SEO อาจต้องยืมมือโปรแกรมเมอร์ที่เชี่ยวชาญในการเขียนระบบ หรือ เข้าใจภาษาทางคอมพิวเตอร์มาช่วยเหลือเรา ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และนั้นเองที่ทำให้ทีมงานตะกร้าออนไลน์ต้องนำเรื่องนี้มาพูดถึงให้ทุกคนรู้ก่อน ว่าเราก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง
        อันดับแรกในการทำ SEO ก็คือเราต้องปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ให้สามารถเข้าถึงง่าย ใช้งานง่าย และไม่ซับซ้อน เพียงวิเคราะห์ว่าสินค้าและบริการของเรานั้นควรใช้คีย์เวิร์ดใดบ้าง ซึ่งเราสามารถเข้าไปตรวจสอบการค้นหาคำเหล่านั้นและดูว่าคู่แข่งมีมากน้อยแค่ไหนจาก Keywords Planner นั้นเอง เมื่อได้คีย์เวิร์ดแล้วก็นำมาปรับแต่งกับเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ของคุณได้เลย

        เริ่มจากที่ “Title” หรือ Title Bar

คือ แท็บบนสุดเป็นสิ่งที่บอกให้ Google รู้จักกับเว็บไซต์ของเราว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง สินค้าและบริการของเราเป็นอย่างไร และเราจะใส่เป็นคำ ๆ ไป เช่น จองโรงแรม, ที่พักราคาถูก, คุ้มสุดๆ, ลดสูงสุด80% เป็นต้น ในส่วนนี้อย่าใส่เป็นรายละเอียดยาวๆ นะคะ สังเกตได้จากบริเวณ Title Bar ตามภาพด้านล่าง

        ลำดับต่อมาที่ “Description”

คือ คำอธิบายหรือบรรยายรายละเอียดของเว็บไซต์ รวมถึงสินค้าและบริการของเรา โดยจะอธิบายไม่ยาวมาก กระชับ ชัดเจน เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้กับผู้ที่จะเข้ามาชมเว็บไซต์ และได้ตัดสินใจก่อนด้วยว่าตรงกับสิ่งที่ค้นหาหรือไม่นั้นเอง ตามภาพด้านล่าง

        ลำดับสุดท้าย “Keywords”

คือ คำที่คาดเดาว่าจะมีผู้ค้นหาเว็บไซต์ของคุณด้วยคำว่าอะไรบ้าง เช่น เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ของคุณขายรองเท้าผู้หญิง อาจจะค้นหาด้วยคำว่า รองเท้าผู้หญิง รองเท้าส้นสูง หรือ รองเท้าส้นสูงสีดำ ก็เป็นไปได้ทุกคำ ขนาดเราเองเวลาค้นหาก็ไม่ได้ค้นหาเพียงครั้งเดียวแล้วพบข้อมูลที่ต้องการทันที อาจต้องใช้เวลาค้นหาหรือเปลี่ยนคำค้นใหม่ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพบในสิ่งที่ต้องการ ดังนั้นลูกค้าก็ไม่แตกต่างจากเรา

        ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ “เนื้อหาบนเว็บไซต์” ต้องสะกดคำให้ถูกต้อง และมีการเขียนบทความเพื่อให้ความรู้กับผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์ของเรา เพื่อลูกค้าจะได้อยู่กับเรานาน ๆ และมีโอกาสตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการของเราอีกด้วย ถ้าสงสัยว่าอยู่กับเรานาน ๆ คืออะไร จะอธิบายง่าย ๆ ว่า ถ้ามีคนเดินเข้าร้านค้าของเราก็อยากให้ลูกค้าคนนั้นมาเดินดูสินค้าของเราให้นานที่สุดเพื่อที่เราจะได้มีโอกาสเข้าไปตอนรับและบริการให้ลูกค้าเกิดความพึ่งพอใจจนอยากซื้อสินค้าและบริการของเรา เว็บไซต์ก็เช่นกันถ้าลูกค้าอ่านสิ่งที่เรานำเสนอแล้วถูกใจตรงกับที่กำลังค้นหา ยังไม่พอเราก็มีสินค้าและบริการให้กับลูกค้าตามที่ต้องการด้วย แค่นี้ก็เอาอยู่แล้วคะ และยังเป็นผลดีกับเว็บไซต์ของเราที่ทำให้ Google มองว่าเว็บนี้มีคุณภาพ มีคนเข้ามาอ่านนาน ๆ และเข้าชมบ่อยครั้งเป็นประจำ ทำให้มีค่า Page Rank หรือ PR มากขึ้น ถ้าหากคะแนน PR ที่ได้รับจาก Google สูง เราก็จะถูกจัดอันดับตาม PR ของ Google  ย้ำ! ค่าจะมีตั้งแต่ 0 ถึง 10 ยิ่งมีค่าตัวเลข PR ที่สูงมากเท่าไหร่ก็จะได้อยู่ในอันดับดี ๆ นั้นเอง และนี้เป็นเหตุผลที่เราต้องใช้เวลา อดทน เสมอต้นเสมอปลายกับการดูแลเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ของเรามาก ๆ เปรียบเสมือนกับการสะสมบุญที่เราต้องหมั่นทำเติมลงไป และพอถึงเวลาที่เหมาะสมผลบุญที่เราสร้างมาก็จะกลับมาสนับสนุนเราในอนาคต

        ตอนนี้หลายคนคงร้อง “อ๋อออออออ” ยาว ๆ ไปกับข้อดีของเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ที่รองรับการทำ SEO ได้ ดังนั้นเจ้าของเว็บไซต์ ควรที่จะสามารถแก้ไขข้อมูล SEO ได้ด้วยตนเอง อัพเดทข้อมูลเนื้อหาของเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ จนเป็นกิจวัตร ไม่มากเกินไปที่คนทั่วไปสามารถทำได้ และไม่น้อยมากจนไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยพฤติกรรมตามธรรมชาติ หรือที่เขาเรียกกันว่า “ความพอดี” และทั้งหมดนี้ต้องไม่มีค่าใช้จ่ายด้วยนะ มาถึงตรงนี้ทุกท่านก็เข้าใจแล้วว่า SEO หมายถึงอะไร และต้องกรอกข้อมูลในแต่ละส่วนอย่างไร ส่วนนี้มีชื่อว่าอะไร เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาทางทีมงานตะกร้าออนไลน์ก็เลยถือโอกาสยกตัวอย่างเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ของ TakraOnline ที่สามารถทำ SEO ได้ด้วยตนเอง โดยเจ้าของเว็บไซต์สามารถกรอกข้อมูลทั้งหมดตามที่เราแนะนำไปเมื่อข้างต้นในส่วนของ SEOได้ง่าย ๆ ตามภาพด้านล่าง

        สุดท้ายนี้อยากให้เพื่อนได้เห็นถึงประโยชน์และข้อดีของเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ที่รองรับการทำ SEO ดังนี้

        1. ประหยัดค่าใช้จ่าย เจ้าของเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ไม่ต้องเสียค่าจ้างบริษัทหรือโปรแกรมเมอร์เพื่อให้เว็บไซต์มีอันดับดี ๆ ตามการจัดอันดับ Page Rank ของ Google

        2. มีคนรู้จักเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นมีโอกาสที่จะขายสินค้าได้มากขึ้น

        3. เมื่อติดอันดับดี ๆ ได้แล้ว ก็เหมือนมีทำเลทองเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้น

ดังนั้นการทำ SEO เป็นช่องทางการตลาดออนไลน์หรือการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์แบบไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ได้รับการจัดอันดับโดย Google สำคัญที่สุดคือการเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา ก็มีโอกาสที่คนเข้าสู่เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้นนั้นเอง